การผลิตสบู่คาเฟอีนเพื่อเพิ่มมูลค่ากากกาแฟเหลือทิ้ง
ผู้เขียน :
สุพัตรา รักษาพรต
,
สุนิษา สุวรรณเจริญ
,
เรืองวิทย์ สว่างแก้ว
,
เกศสุดา สามารถ
,
จิตรลดา บุญเฒ่า
เผยแพร่วันที่ :
30 มี.ค. 2561
ประเภท :
บทความวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับชาติ
วารสารวิชาการ :
วิทยาศาสตร์ มข.
เล่มที่ :
46
ฉบับที่ :
1
หน้า :
38-43
ผู้เผยแพร่ :
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
รายละเอียด :
งานวิจัยนี้ศึกษาหาปริมาณคาเฟอีนซึ่งเป็นสารองค์ประกอบที่เหลืออยู่ในกากกาแฟเหลือทิ้ง เพื่อนำกากกาแฟไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้กระบวนการอย่างง่าย โดยสกัดหาปริมาณคาเฟอีนในกากกาแฟพันธุ์อาราบิก้า และกากกาแฟพันธุ์โรบัสต้าจากร้านกาแฟสด ในอำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของการสกัดคาเฟอีนด้วยวิธีการสกัดแบบซอกห์เลต โดยใช้ตัวทำละลาย 4 ชนิดได้แก่ น้ำ เอทานอล เอทิลแอซีเทต และไดคลอโรมีเทน เป็นเวลา 6 ชั่วโมง ที่จุดเดือดของตัวทำละลาย จากนั้นวิเคราะห์ปริมาณคาเฟอีนด้วยเครื่องโครมาโทกราฟีของเหลวสมรรถนะสูง พบว่า ตัวทำละลายที่สามารถสกัดคาเฟอีนจากกากกาแฟพันธุ์อาราบิก้า และกากกาแฟพันธุ์โรบัสต้าได้ดีที่สุดคือ ไดคลอโรมีเทน รองลงมาคือ เอทิลแอซีเทต เอทานอล และน้ำ ตามลำดับ เมื่อใช้ไดคลอโรมีเทนเป็นตัวทำละลาย กากกาแฟพันธุ์อาราบิก้าและกากกาแฟพันธุ์โรบัสต้า ให้ปริมาณคาเฟอีนสูงสุด คิดเป็นร้อยละผลผลิตเท่ากับ 0.27 และ 0.21 โดยน้ำหนัก ตามลำดับ เนื่องจากปริมาณคาเฟอีนที่เหลืออยู่มีเพียงเล็กน้อย ซึ่งอาจไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจในการสกัดออกมาใช้ประโยชน์ คณะผู้วิจัยจึงนำกากกาแฟมาผลิตสบู่ก้อนกากกาแฟ หลังเก็บสบู่ก้อนกากกาแฟไว้เป็นเวลา 15 วัน ค่าความเป็นกรด-ด่าง และปริมาณฟองสบู่ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับสบู่ก้อนควบคุม งานวิจัยนี้นอกจากจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับกากกาแฟแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการกำจัดของเสียได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย
ลิงค์ :